กลยุทธ์ในการเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ เพื่อประหยัดเงิน

หลายๆ คนที่ขับรถยนต์มักจะคิดว่าการซื้อ ประกันรถยนต์ คือภาระทางการเงินเพิ่มเติม ที่ไม่ค่อยจะอยากเสียเท่าไหร่ แต่คุณรู้หรือไม่ว่า จริงๆ มันคือวิธีการจัดการ ความเสี่ยง ได้ดี เพราะเราไม่มีทางรู้ว่าในอนาคตเราจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นหรือไม่ หรืออาจจะมีคนขโมยรถ เป็นต้น การขับรถ คุณอาจจะเจออันตรายได้ทุกเมื่อ และไม่ว่าใครจะเป็นคนผิดก็ตาม การที่คุณไม่มีประกันคุ้มครองไว้ คุณอาจจะต้องจบลงด้วยการเสียเงินมากกว่าที่คุณในการซ่อมแซมค่าเสียหายต่างๆ เป็นต้น

ผู้เอาประกันควรคำนึงถึงความมั่นคงและความน่าเชื่อถือของ บริษัทประกันภัยตัวแทน และบริษัทนายหน้าประกันภัยที่มีประวัติในการดำเนินธุรกิจที่ดีมีผลประกอบการที่ดี มีผู้ถือหุ้นที่มั่นคง และมีการบริการหลังการขายที่ดีฯลฯ เป็นหลักสำคัญในการเลือกซื้อ ผู้เอาประกันไม่ควรซื้อประกันภัย โดยดูจากค่าเบี้ยประกันภัยที่ถูกที่สุด ทั้งนี้เพราะการประกันภัยที่เน้นค่าเบี้ยที่ถูก แต่ไม่สามารถเรียกร้องเคลมสินไหมได้ เหตุเพราะบริษัทประกันภัยประสบปัญหาทางการเงิน หรือมีความยากลำบากในการเรียกร้องเคลมสินไหม หรือนายหน้าที่ไม่มีบัตรประจำตัวนายหน้าที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องจากคปภ. อาจจะทำให้คุณได้รับกรมธรรม์ประกันภัยปลอม หรือถูกหลอกลวงเงิน หรือมีการไปยกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยในภายหลังจากได้รับชำระเงินจากลูกค้า หรือไม่มีการบริการหลังการขาย เพื่อดูแลและอำนวยความสะดวกแก่ผู้เอาประกันในการเรียกร้องเคลมสินไหม ซึ่งเหล่านี้ล้วนไม่ใช่วัตถุประสงค์

หลักในการซื้อประกันภัย คือ มีไว้สำหรับแบ่งเบาความเสี่ยง และช่วยบรรเทาปัญหาที่เกิดจากการสูญเสีย ทรัพย์สิน หรือการเกิดอุบัติเหตุที่จะก่อให้เกิดความเสียหายสูงต่อชีมูลค่าวิต และทรัพย์สินได้แก่ บ้าน รถยนต์ การรักษาพยาบาล เป็นต้น ผู้เอาประกันควรตรวจดูวงเงินความคุ้มครองต่างๆ ให้แน่ใจว่าเหมาะสมตามที่ต้องการ และครอบคลุมสิทธิประโยชน์มากที่สุดในอัตราเบี้ยที่เท่ากันรวมถึงพิจารณาเลือกซื้อแผนประกันภัยให้ตรงกับความต้องการให้มากที่สุด เช่น หากไม่จำเป็นต้องซื้อประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 อาจเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 แบบประหยัด หรือประเภท 3 พิเศษ ที่ระบุค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible)ซึ่งแผนประกันดังกล่าวได้กำหนดทุนประกันและอัตราเบี้ยไว้ให้แล้วตามแต่อายุของรถยนต์ซึ่งจะสามารถประหยัด
เบี้ยประกันภัยที่ต้องจ่ายไปได้

วิธีประหยัดค่าเบี้ยประกัน
วิธีประหยัดค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ ได้แก่ การระบุชื่อผู้ขับขี่ และการระบุค่าเสียหายส่วนแรก(Deductible) การระบุชื่อผู้ขับขี่ในกรมธรรม์ จะทำให้ค่าเบี้ยมีส่วนลด 5-20% จากเบี้ยสุทธิ ขึ้นอยู่กับอายุของผู้ขับขี่ วิธีนี้เหมาะสมสำหรับรถยนต์ที่มีผู้ขับขี่ที่แน่นอนและไม่เกิน 2 คน กรณีผู้อื่นนำรถยนต์คันดังกล่าวไปขับขี่เกิดเหตุเป็นฝ่ายผิด ผู้เอาประกันจะต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายของรถคันเอาประกันตามจริงแต่ไม่เกิน6,000 บาท และรับผิดชอบค่าเสียหายต่อรถคู่กรณี 2,000 บาท ส่วนที่เกินตามจริงนั้นบริษัทประกันภัยจะเป็นผู้รับผิด6,000 บาท และรับผิดชอบค่าเสียหายต่อรถคู่กรณี 2,000 บาท ส่วนที่เกินตามจริงนั้นบริษัทประกันภัยจะเป็นผู้รับผิดชอบการระบุค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible) ในกรมธรรม์ประกันภัยนั้น ผู้เอาประกันภัยสามารถกำหนดเองได้ ตั้งแต่ 1,000 – 5,000 บาท ส่งผลให้สามารถประหยัดค่าเบี้ยประกันภัยที่ต้องจ่ายตามจำนวนค่าเสียหายส่วนแรกเช่น ค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ 20,000 บาท หากระบุค่าเสียหายส่วนแรกเท่ากับ 4,000 บาท ค่าเบี้ยประกันภัยจะเหลือ 16,000 บาท เท่านั้น ซึ่งในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุแล้วผู้เอาประกันภัยเป็นฝ่ายผิด หรือ การเคลมที่ไม่มีคู่กรณี ผู้เอาประกันภัยจะต้องชดเชยค่าเสียหายเองตามจริงแต่ไม่เกิน 4,000 บาท (ไม่เกิน Deductible ที่ระบุไว้เท่านั้น) โดยส่วนที่เกินบริษัทประกันภัยจะเป็นผู้รับผิดชอบ วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้เอาประกันภัยที่มีประวัติการขับขี่ที่ดี ไม่ค่อยเกิดเหตุเป็นฝ่ายผิด หรือไม่มีการเคลมที่ไม่มีคู่กรณี หรือไม่มีการเคลมเก็บสีเก็บรอย ก็จะสามารถประหยัดค่าเบี้ยประกันได้ทันที