Tag Archives: ประกันรถยนต์

ประกันรถยนต์

ประเทศไทยเริ่มมีบริษัทประกันมาราวครึ่งศตวรรษแล้ว และมีการควบคุมอย่างเข้มงวดจากหน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ ผ่านพระราชบัญญัติประกันวินาศภัยปี 2535 และมีการแก้ไขเพิ่มเติมในปี 2551 ซึ่งมีการโยกย้ายอำนาจในการควบคุมดูแลไปยังกระทรวงการคลัง นอกจากนี้ กฎหมายฉบับนี้ยังบังคับไม่ให้บริษัทประกันต่างประเทศเข้ามาเปิดการทำการ หรือเปิดสาขาในประเทศไทย ตามแต่เงื่อนไข นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. คือหน่วยงานอิสระที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2550 เพื่อแบ่งเบาภาระการควบคุมดูแลการบริษัทประกันจากกระทรวงนั่นเอง

ประกันรถยนต์

หลายๆ ท่านที่ขับรถยนต์มักจะคิดว่าการซื้อ “ประกันภัยรถยนต์” คือภาระทางการเงินเพิ่มเติม ที่ไม่ค่อยจะอยากเสียเท่าไหร่ แต่ทว่าการทำประกันภัยรถยนต์นั้น คือวิธีการจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ เพราะเราไม่มีทางรู้ว่าในอนาคตเราจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นหรือไม่ เช่นการถูกขโมยรถยน ถูกชน เป็นต้น เพราะในแต่ละครั้งที่ขับรถอาจจะเจออันตรายได้ทุกเมื่อ และไม่ว่าใครจะเป็นคนผิดก็ตาม การที่ไม่มีประกันคุ้มครองก็จะต้องจบลงด้วยการเสียเงินมากกว่าในการซ่อมแซมค่าเสียหายต่างๆ และหากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น สิ่งที่ตามาคือค่าใช้จ่าย ค่ารักษาพยาบาล ค่าเสียหายที่เกิดต่อรถของคุณ และรถคู่กรณี และอื่นๆ ความเสียหายต่อบุคคลภายนอกที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งความเสี่ยงเหล่านี้จะถูกจัดการด้วย “ประกันรถยนต์” โดยบริษัทประกันจะจัดเก็บเบี้ยประกันจากคุณตามประเภทประกันรถยนต์ ซึ่งหากเกิดอุบัติเหตุขึ้น และมีการเคลม ประกันจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์นั้นๆ

ส่วนในรถที่นิยมต่อการถูกขโมยบ่อย และเกิดการหายบ่อย ก็จะมีเบี้ยประกันที่สูงกว่า อย่างไรก็ตาม ถ้ารถของคุณมีระบบป้องกันการขโมยเพิ่มเติมที่แน่นหนามาก ก็อาจนำไปขอเป็นส่วนลดได้

สิทธิที่ได้รับหลังจากทำประกันรถยนต์ชั้น 1


สำหรับผู้ขับรถนั้นการทำประกันภัยเป็นสิ่งสำคัญ โดยจะมีแยกย่อยด้วยกัน 2 ประเภท คือ ประเภทแรกไม่ระบุชื่อผู้ขับขี่ เป็นการคุ้มครองรถยนต์จากการใช้งาน กับอีกประเภทคือ ประเภทระบุชื่อผู้ขับขี่ ที่จะให้ความคุ้มครองความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นต่อรถยนต์ ในระหว่างที่ผู้ที่มีชื่อระบุในกรมธรรม์เป็นคนขับ โดยประกันที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ ประกันรถยนต์ชั้น 1

การคุ้มครองของประกันรถยนต์ชั้น 1 มีดังนี้

1.ความคุ้มครองต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อร่างกาย อนามัย และ ชีวิต รวมถึงบุคคลภายนอกรถยนต์คันเอาประกันภัย

2.ความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อทรัพย์สิน โดยที่บริษัทประกันภัยจะรับผิดชอบด้านค่าสินไหมทดแทน รับผิดชอบต่อความเสียหายทีเกิดขึ้นต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก

3.กรณีเกิดความเสียหาย สูญหาย หรือ ไฟไหม้ บริษัทประกันภัยจะรับผิดชอบด้านค่าสินไหมสำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยคิดตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง แต่ต้องไม่เกินจำนวนเงินเอาประกันภัย

4.คุ้มครองที่รับผิดชอบตามเอกสารอนุสัญญา โดยจะมีการคุ้มครองความบาดเจ็บที่เกิดจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับผู้ขับรถ หรือ ผู้โดยสายของรถคันเอาประกันภัย โดยถ้าความบาดเจ็บดังกล่าวนั้นสร้างความสูญเสียของชีวิต อวัยวะ หรือ ทำให้เกิดความทุพพลภาพถาวร หรือชั่วคราว โดยจะให้ความคุ้มครองตามจำนวนจริงที่จ่ายไป แต่จะต้องไม่เกินจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ระบุเอาไว้ในกรมธรรม์การประกันตัวผู้ขับขี่รถยนต์

5.ส่วนลดสูงสุดคือ 20% ให้แก่ผู้ขับขี่ที่มีช่วงอายุเกิน 50 ปีขึ้นไป ในส่วนนี้มี 4 ระดับ โดยจัดระดับตามช่วงอายุ

6.ลดค่าความเสียหายส่วนแรก ส่วนนี้เป็นข้อตกลงระหว่างบริษัทประกัน และ ผู้เอาประกัน ในด้านค่าเสียหายส่วนแรกที่เกิดขึ้นกับทรัพย์สินบุคคลภายนอก และค่าความเสียหายส่วนแรกที่เกิดขึ้นต่อรถยนต์

7.ได้สิทธิรับส่วนลดเบี้ยประกันภัยกลุ่มได้ 10%

8.ส่วนลดของเบี้ยประกันภัยเมื่อประวัติไม่ด่างพร้อย คือไม่ได้เป็นฝ่ายผิดในอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา

โดยส่วนมากผู้ที่ทำประกันไม่ค่อยมีความรู้ในเรื่องของการเคลมประกันอุบัติเหตุกันมากนัก คิดเสียว่าเมื่อจ่ายเบี้ยประกันแล้วเมื่อเกิดอุบัติเหตุก็จะเคลมอย่างเดียวกลัวไม่คุ้ม ในความเป็นจริงแล้ววิธีนี้ทำให้เบี้ยประกันสูงขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นควรศึกษาตามเงื่อนไขของบริษัทประกันให้ดี

ประกันรถยนต์คนใช้รถต้องรู้และมีความสำคัญมาก

เรื่องหนึ่งที่ทุกคนต้องคำนึงถึงเมื่อจะซื้อรถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์ คงหนีไม่พ้นประกันรถยนต์ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะกฏหมายของบ้านเราบังคับให้ผู้ที่ครอบครองยานพาหนะที่ใช้สัญจรบนท้องถนนต้องทำประกันภัย แต่หลายคนอาจมองว่า ทำไมต้องทำประกันภัยกันล่ะ และอาจยังไม่รู้ว่าประกันรถยนต์ในปัจจุบันมีกี่แบบ ให้ความคุ้มครองแบบไหนอย่างไรบ้าง ขอนำเสนอเรื่องราวของประกันรถยนต์แบบต่าง ๆ ที่คนรักรถจำเป็นต้องรู้

ทำไมต้องทำประกันรถยนต์
กฏหมายไทยบังคับให้ผู้ใช้รถทุกคันทุกประเภทต้องทำประกันภัยอย่างน้อยที่สุดคือ การทำประกันภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้
1. เพื่อคุ้มครองและให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนผู้ประสบภัยจากรถที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เพราะเหตุประสบภัยจากรถโดยให้ได้รับการรักษาพยาบาลอย่างทันท่วงทีกรณีบาดเจ็บ หรือช่วยเป็นค่าปลงศพกรณีเสียชีวิต
2. เป็นหลักประกันให้กับโรงพยาบาล / สถานพยาบาลว่าจะได้รับค่ารักษาพยาบาล ในการรับรักษาพยาบาลผู้ประสบภัยจากรถ
3. เป็นสวัสดิสงเคราะห์ที่รัฐมอบให้แก่ประชาชนผู้ได้รับความเสียหาย เพราะเหตุประสบภัยจากรถ
4. ส่งเสริมและสนับสนุนให้การประกันภัยเข้ามามีส่วนร่วมในการบรรเทาความเดือนร้อน แก่ผู้ประสบภัยและครอบครัว

การทำประกันรถยนต์ ถือเป็นวิธีบริการทรัพย์สินวิธีหนึ่งเช่นกัน เพราะถือว่าเป็นการลงทุนเพื่อแลกกับความคุ้มครองของผู้เอาประกัน จากความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นหากเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์นั่นเอง แม้ว่าจะไม่ได้ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ แต่สามารถลดจำนวนเงินค่าชดเชย ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าซ่อมรถยนต์ได้ เป็นต้น ดังนั้น การศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับความคุ้มครองให้ถี่ถ้วนก่อนตกลงใจซื้อประกันจากบริษัทใดก็ตามนั้นเป็นสิ่งทีสำคัญที่สุด เพื่อเป็นการทำให้ผู้ซื้อมั่นใจว่าจะได้รับความคุ้มครองที่คุ้มค่าสูงสุดสำหรับตนเอง และ สำหรับคนในครอบครัว

ผลประโยชน์อีกอย่างที่จะได้รับจากการมีประกันอุบัติเหตุ ก็คือ ผลประโยชน์ส่วนตัวของผู้เอาประกันนั่นเอง การทำประกันสามารถเป็นตัวช่วยสำหรับผู้ที่ต้องใช้รถยนต์ แต่ว่ามีเงินเดือนน้อย และต้องผ่อนค่ารถยนต์นั้นเอง ผู้ขายรถยนต์สามารถให้ผู้ซื้อรถยนต์ ซื้อประกันภัยรถยนต์ แล้วยกผลประโยชน์ของกรมธรรม์ฉบับนั้นให้แก่ผู้ขายรถ เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้เอาประกันด้วย ว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ผู้ขายจะได้รับผลประโยชน์จากการประกัน ในขณะที่ผู้ขับขี่ก็สามารถได้รับผลประโยชน์จากการประกันด้านค่าใช้จ่ายหากต้องใช้บริการสถานพยาบาล กรณีมีผู้บาดเจ็บ ค่าชดเชยสินไหม และค่าซ่อมรถยนต์ด้วย

เทคนิคการเลือกซื้อประกันรถยนต์เพื่อผลที่ตามมาภายหลัง

ไม่มีใครสามารถรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า แต่ทุกครั้งที่คุณขับรถ ตลอดเส้นทางการใช้รถ ทั้งชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินอันมีค่าของคุณ จะได้รับความคุ้มครองจากการทำประกันรถยนต์ ดังนั้นการเลือกแบบประกันรถยนต์จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆโดยเราควรคำนึงถึงขอบเขตความคุ้มครอง คุณลักษณะการใช้งาน คุณลักษณะของตัวรถและความเสี่ยงของผู้ใช้รถแต่ละคน

นอกจากนี้ เราควรทราบหลักเกณฑ์ในการได้ส่วนลดต่างๆด้วย เพื่อให้ได้ประกันรถยนต์ที่มีคุณภาพในราคาที่ประหยัดที่สุด มีวิธีเลือกซื้อประกันรถยนต์แบบง่ายๆมาบอกกัน

1.เลือกบริษัทรับประกัน
เพราะเราต้องใช้บริการบริษัทรับประกัน 1 ปีเต็มๆครับ การเลือกบริษัทจึงควรดูถึง
– ความมั่นคงทางการเงิน ให้บริการดี และไม่มีปัญหาเรื่องการจ่ายค่าสินไหม
– สามารถให้ความรู้และคำปรึกษาเรื่องประกันภัยแก่ลูกค้าได้
– อัตราเบี้ยประกันภัยต้องเป็นธรรมกับผู้เอาประกันภัย “เสี่ยงน้อยจ่ายน้อย เสี่ยงมากจ่ายมาก”
– มีศูนย์บริการครอบคลุมทุกพื้นที่ของประเทศเพื่อความสะดวกแก่ลูกค้า
ดังนั้นผู้เอาประกันควรคำนึงถึงความมั่นคงและความน่าเชื่อถือของ บริษัทประกันภัย ตัวแทน และบริษัทนายหน้าประกันภัย ที่มีประวัติในการดำเนินธุรกิจที่ดี มีผลประกอบการที่ดี มีผู้ถือหุ้นที่มั่นคง และมีการบริการหลังการขายที่ดี ฯลฯ เป็นหลักสำคัญในการเลือกซื้อ
2.วิเคราะห์ความต้องการ
ซ่อมอู่หรือซ่อมศูนย์ ซึ่งตรงนี้ค่าเบี้ยจะต่างกันประมาณ 10-30% ปัจจุบันการซ่อมอู่นั้นมีมาตราฐานค่อนข้างสูง เพราะมีการแข่งขันด้านคุณภาพให้ทัดเทียมกับศูนย์ แต่สามารถประหยัดเบี้ยประกันไปได้พอสมควร
3.วิเคราะห์ลักษณะการใช้รถยนต์และหาส่วนลดเบี้ยประกัน
หากรถยนต์ของคุณมีผู้ขับขี่ที่แน่นอน การระบุชื่อผู้ขับขี่ในกรมธรรม์ จะประหยัดเบี้ยได้ 5-20%

มีหลายบริษัทประกันที่มีข้อเสนอการทำประกันประเภทขับน้อยจ่ายน้อยสำหรับ ผู้ที่มั่นใจว่าตนเองใช้รถน้อย คุณที่อยากจะประหยัดเงินก็อาจจะขอทำประกันประเภทนี้ เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายเบี้ยประกันที่ไม่จำเป็น แต่สำหรับผู้ที่มีอาชีพ บางประเภท เช่น ดารา นักร้อง ที่ต้องเดินทางบ่อยๆ ประกันประเภทนี้ก็คงใช้ ไม่ได้สัจธรรมข้อหนึ่งที่ไม่มีใครปฏิเสธได้ ในการแข่งขันในตลาดที่มีผู้ประกอบ การหลายเจ้าก็คือ การแข่งขันในเรื่องราคา ประกันประเภทเดียวกัน อาจจะมีราคาต่างกันในแต่ละบริษัท ขึ้นอยู่กับการลองตระเวนหาราคาที่ดีที่สุดของผู้ซื้อเอง แต่ สำหรับผู้ซื้อรถที่ต้องอาศัยการผ่อนชำระกับไฟแนนซ์ที่จะต้องถูกบังคับให้ทำประกันกับบริษัทใดบริษัทหนึ่งไปเลย ก็คงไม่มีโอกาสทำเช่นนี้ได้