Category Archives: เรื่องน่ารู้ประกันภัยรถยนต์

ประกันรถยนต์

ประเทศไทยเริ่มมีบริษัทประกันมาราวครึ่งศตวรรษแล้ว และมีการควบคุมอย่างเข้มงวดจากหน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ ผ่านพระราชบัญญัติประกันวินาศภัยปี 2535 และมีการแก้ไขเพิ่มเติมในปี 2551 ซึ่งมีการโยกย้ายอำนาจในการควบคุมดูแลไปยังกระทรวงการคลัง นอกจากนี้ กฎหมายฉบับนี้ยังบังคับไม่ให้บริษัทประกันต่างประเทศเข้ามาเปิดการทำการ หรือเปิดสาขาในประเทศไทย ตามแต่เงื่อนไข นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. คือหน่วยงานอิสระที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2550 เพื่อแบ่งเบาภาระการควบคุมดูแลการบริษัทประกันจากกระทรวงนั่นเอง

ประกันรถยนต์

หลายๆ ท่านที่ขับรถยนต์มักจะคิดว่าการซื้อ “ประกันภัยรถยนต์” คือภาระทางการเงินเพิ่มเติม ที่ไม่ค่อยจะอยากเสียเท่าไหร่ แต่ทว่าการทำประกันภัยรถยนต์นั้น คือวิธีการจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ เพราะเราไม่มีทางรู้ว่าในอนาคตเราจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นหรือไม่ เช่นการถูกขโมยรถยน ถูกชน เป็นต้น เพราะในแต่ละครั้งที่ขับรถอาจจะเจออันตรายได้ทุกเมื่อ และไม่ว่าใครจะเป็นคนผิดก็ตาม การที่ไม่มีประกันคุ้มครองก็จะต้องจบลงด้วยการเสียเงินมากกว่าในการซ่อมแซมค่าเสียหายต่างๆ และหากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น สิ่งที่ตามาคือค่าใช้จ่าย ค่ารักษาพยาบาล ค่าเสียหายที่เกิดต่อรถของคุณ และรถคู่กรณี และอื่นๆ ความเสียหายต่อบุคคลภายนอกที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งความเสี่ยงเหล่านี้จะถูกจัดการด้วย “ประกันรถยนต์” โดยบริษัทประกันจะจัดเก็บเบี้ยประกันจากคุณตามประเภทประกันรถยนต์ ซึ่งหากเกิดอุบัติเหตุขึ้น และมีการเคลม ประกันจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์นั้นๆ

ส่วนในรถที่นิยมต่อการถูกขโมยบ่อย และเกิดการหายบ่อย ก็จะมีเบี้ยประกันที่สูงกว่า อย่างไรก็ตาม ถ้ารถของคุณมีระบบป้องกันการขโมยเพิ่มเติมที่แน่นหนามาก ก็อาจนำไปขอเป็นส่วนลดได้

กลยุทธ์ในการเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ เพื่อประหยัดเงิน

หลายๆ คนที่ขับรถยนต์มักจะคิดว่าการซื้อ ประกันรถยนต์ คือภาระทางการเงินเพิ่มเติม ที่ไม่ค่อยจะอยากเสียเท่าไหร่ แต่คุณรู้หรือไม่ว่า จริงๆ มันคือวิธีการจัดการ ความเสี่ยง ได้ดี เพราะเราไม่มีทางรู้ว่าในอนาคตเราจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นหรือไม่ หรืออาจจะมีคนขโมยรถ เป็นต้น การขับรถ คุณอาจจะเจออันตรายได้ทุกเมื่อ และไม่ว่าใครจะเป็นคนผิดก็ตาม การที่คุณไม่มีประกันคุ้มครองไว้ คุณอาจจะต้องจบลงด้วยการเสียเงินมากกว่าที่คุณในการซ่อมแซมค่าเสียหายต่างๆ เป็นต้น

ผู้เอาประกันควรคำนึงถึงความมั่นคงและความน่าเชื่อถือของ บริษัทประกันภัยตัวแทน และบริษัทนายหน้าประกันภัยที่มีประวัติในการดำเนินธุรกิจที่ดีมีผลประกอบการที่ดี มีผู้ถือหุ้นที่มั่นคง และมีการบริการหลังการขายที่ดีฯลฯ เป็นหลักสำคัญในการเลือกซื้อ ผู้เอาประกันไม่ควรซื้อประกันภัย โดยดูจากค่าเบี้ยประกันภัยที่ถูกที่สุด ทั้งนี้เพราะการประกันภัยที่เน้นค่าเบี้ยที่ถูก แต่ไม่สามารถเรียกร้องเคลมสินไหมได้ เหตุเพราะบริษัทประกันภัยประสบปัญหาทางการเงิน หรือมีความยากลำบากในการเรียกร้องเคลมสินไหม หรือนายหน้าที่ไม่มีบัตรประจำตัวนายหน้าที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องจากคปภ. อาจจะทำให้คุณได้รับกรมธรรม์ประกันภัยปลอม หรือถูกหลอกลวงเงิน หรือมีการไปยกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยในภายหลังจากได้รับชำระเงินจากลูกค้า หรือไม่มีการบริการหลังการขาย เพื่อดูแลและอำนวยความสะดวกแก่ผู้เอาประกันในการเรียกร้องเคลมสินไหม ซึ่งเหล่านี้ล้วนไม่ใช่วัตถุประสงค์

หลักในการซื้อประกันภัย คือ มีไว้สำหรับแบ่งเบาความเสี่ยง และช่วยบรรเทาปัญหาที่เกิดจากการสูญเสีย ทรัพย์สิน หรือการเกิดอุบัติเหตุที่จะก่อให้เกิดความเสียหายสูงต่อชีมูลค่าวิต และทรัพย์สินได้แก่ บ้าน รถยนต์ การรักษาพยาบาล เป็นต้น ผู้เอาประกันควรตรวจดูวงเงินความคุ้มครองต่างๆ ให้แน่ใจว่าเหมาะสมตามที่ต้องการ และครอบคลุมสิทธิประโยชน์มากที่สุดในอัตราเบี้ยที่เท่ากันรวมถึงพิจารณาเลือกซื้อแผนประกันภัยให้ตรงกับความต้องการให้มากที่สุด เช่น หากไม่จำเป็นต้องซื้อประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 อาจเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 แบบประหยัด หรือประเภท 3 พิเศษ ที่ระบุค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible)ซึ่งแผนประกันดังกล่าวได้กำหนดทุนประกันและอัตราเบี้ยไว้ให้แล้วตามแต่อายุของรถยนต์ซึ่งจะสามารถประหยัด
เบี้ยประกันภัยที่ต้องจ่ายไปได้

วิธีประหยัดค่าเบี้ยประกัน
วิธีประหยัดค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ ได้แก่ การระบุชื่อผู้ขับขี่ และการระบุค่าเสียหายส่วนแรก(Deductible) การระบุชื่อผู้ขับขี่ในกรมธรรม์ จะทำให้ค่าเบี้ยมีส่วนลด 5-20% จากเบี้ยสุทธิ ขึ้นอยู่กับอายุของผู้ขับขี่ วิธีนี้เหมาะสมสำหรับรถยนต์ที่มีผู้ขับขี่ที่แน่นอนและไม่เกิน 2 คน กรณีผู้อื่นนำรถยนต์คันดังกล่าวไปขับขี่เกิดเหตุเป็นฝ่ายผิด ผู้เอาประกันจะต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายของรถคันเอาประกันตามจริงแต่ไม่เกิน6,000 บาท และรับผิดชอบค่าเสียหายต่อรถคู่กรณี 2,000 บาท ส่วนที่เกินตามจริงนั้นบริษัทประกันภัยจะเป็นผู้รับผิด6,000 บาท และรับผิดชอบค่าเสียหายต่อรถคู่กรณี 2,000 บาท ส่วนที่เกินตามจริงนั้นบริษัทประกันภัยจะเป็นผู้รับผิดชอบการระบุค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible) ในกรมธรรม์ประกันภัยนั้น ผู้เอาประกันภัยสามารถกำหนดเองได้ ตั้งแต่ 1,000 – 5,000 บาท ส่งผลให้สามารถประหยัดค่าเบี้ยประกันภัยที่ต้องจ่ายตามจำนวนค่าเสียหายส่วนแรกเช่น ค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ 20,000 บาท หากระบุค่าเสียหายส่วนแรกเท่ากับ 4,000 บาท ค่าเบี้ยประกันภัยจะเหลือ 16,000 บาท เท่านั้น ซึ่งในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุแล้วผู้เอาประกันภัยเป็นฝ่ายผิด หรือ การเคลมที่ไม่มีคู่กรณี ผู้เอาประกันภัยจะต้องชดเชยค่าเสียหายเองตามจริงแต่ไม่เกิน 4,000 บาท (ไม่เกิน Deductible ที่ระบุไว้เท่านั้น) โดยส่วนที่เกินบริษัทประกันภัยจะเป็นผู้รับผิดชอบ วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้เอาประกันภัยที่มีประวัติการขับขี่ที่ดี ไม่ค่อยเกิดเหตุเป็นฝ่ายผิด หรือไม่มีการเคลมที่ไม่มีคู่กรณี หรือไม่มีการเคลมเก็บสีเก็บรอย ก็จะสามารถประหยัดค่าเบี้ยประกันได้ทันที

การเลือกทำประกันรถยนต์ในปัจจุบัน

รถยนต์ได้เข้ามีบทบาทในชีวิตประจําวันเพื่อใช้ในการสัญจรในการติดต่อ โดยสารและการคมนาคมขนส่งต่างๆ เพื่อให้เกิดความสะดวกรวดเร็ว ทําให้การใช้รถยนต์ในปัจจุบันมีเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้มีสภาพการจราจรหนาแน่นและทําให้เกิดอุบัติเหตุต่างๆอยู่บ่อยครั้ง ทำให้ผู้ใช้รถพยายามที่จะหาทางป้องกันอุบัติเหตุทุกวิถีทาง ดังนั้นธุรกิจประกันวินาศภัยในประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในธุรกิจที่สําคัญ ซึ่งธุรกิจประกันวินาศภัยจะประกอบด้วย การประกันภัยประเภทอัคคีภัย การประกนภัยทางทะเลและขนส่ง การประกนภัยทางด้านรถยนต์ และการประกนภัยเบ็ดเตล็ด ที่จะเข้ามาช่วยบรรเทาหรือแบ่งเบาความเสียหายหรือความสูญเสียให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคมโดยส่วนรวม จะเห็นว่ารถยนต์นั้นก่อให้เกิดอุบัติเหตุความเสียหายแก่ชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของมนุษย์เป็นอย่างมาก ดังนั้นการทําประกนภัยรถยนต์เพื่อที่จะคุ้มครองความรับผิดชอบในกรณีที่เจ้าของรถยนต์ได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ชีวิต ร่างกายและรถยนต์ของผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถยนต์รวมทั้งภัยอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกันที่อาจจะเกิดขึ้น ด้วยเหตุนี้การประกนภัยรถยนต์จึงได้เข้ามามีบทบาทสําคัญในการเอื้อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมโดยส่วนรวมมากขึ้น

ปัจจุบันบริษัทประกนวินาศภัยที่ดําเนินธุรกิจอยูในประเทศไทยมีการรับทําประกันภัยรถยนต์กันมาก ซึ่งช่องทางการรับทําประกนภัยรถยนต์ของบริษัทประกันภัยนั้นมีหลายช่องทางได้แก่

1.ลูกค้าที่เข้ามาติดต่อกบทางบริษัทประกันภัยโดยตรงซึ่งได้ข้อมูลประกันภัยมาจากทางสื่อต่างๆ

2.ตัวแทน ผู้ที่บริษัทประกนภัยมอบหมายให้หาลูกค้า บุคคลผู้นี้ได้รับเงินเดือนจากบริษัทและได้รับส่วนแบ่งค่านายหน้าบ้าง

3.บริษัทนายหน้าประกนภัย  (โบรกเกอร์) ถือเป็นฝ่ายของผู้เอาประกนภัยทําหน้าที่ชี้ช่องทางหรือจัดการให้ประชาชนทําประกนภัยกับบริษัทโดยนายหน้าจะเป็นผู้ให้คําแนะนําการซื้อประกนภัยในแต่ละประเภท มีความเหมาะสมกบสภาพความเสี่ยงภัยของแต่ละบุคคลหรือกิจการโดยนายหน้าจะได้รับเงินบําเหน็จจากบริษัทประกนภัยเป็นค่าตอบแทนสําหรับการจัดการ

ดังนั้น การเลือกบริษัทในการทำประกันภัยรถยนต์ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาข้อมูลของบริษัทเหล่านั้นให้ดี เพื่อจะได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่า จะเห็นได้ว่า บริษัทประกันรถยนต์นั้น มีผลต่อการเลือกทำประกันภัยรถยนต์ โดยประกันรถยนต์มีประโยชน์ไม่น้อยเลย ทั้งช่วยคุ้มครองตัวเราและคู่กรณี รวมถึงดูแลความเสียหายที่เกิดขึ้นจากเหตุร้ายด้วย แต่ทั้งนี้ การเลือกประกันก็จำเป็นต้องศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วน เพื่อประโยชน์สูงสุดของเราเอง

สิทธิที่ได้รับหลังจากทำประกันรถยนต์ชั้น 1


สำหรับผู้ขับรถนั้นการทำประกันภัยเป็นสิ่งสำคัญ โดยจะมีแยกย่อยด้วยกัน 2 ประเภท คือ ประเภทแรกไม่ระบุชื่อผู้ขับขี่ เป็นการคุ้มครองรถยนต์จากการใช้งาน กับอีกประเภทคือ ประเภทระบุชื่อผู้ขับขี่ ที่จะให้ความคุ้มครองความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นต่อรถยนต์ ในระหว่างที่ผู้ที่มีชื่อระบุในกรมธรรม์เป็นคนขับ โดยประกันที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ ประกันรถยนต์ชั้น 1

การคุ้มครองของประกันรถยนต์ชั้น 1 มีดังนี้

1.ความคุ้มครองต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อร่างกาย อนามัย และ ชีวิต รวมถึงบุคคลภายนอกรถยนต์คันเอาประกันภัย

2.ความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อทรัพย์สิน โดยที่บริษัทประกันภัยจะรับผิดชอบด้านค่าสินไหมทดแทน รับผิดชอบต่อความเสียหายทีเกิดขึ้นต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก

3.กรณีเกิดความเสียหาย สูญหาย หรือ ไฟไหม้ บริษัทประกันภัยจะรับผิดชอบด้านค่าสินไหมสำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยคิดตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง แต่ต้องไม่เกินจำนวนเงินเอาประกันภัย

4.คุ้มครองที่รับผิดชอบตามเอกสารอนุสัญญา โดยจะมีการคุ้มครองความบาดเจ็บที่เกิดจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับผู้ขับรถ หรือ ผู้โดยสายของรถคันเอาประกันภัย โดยถ้าความบาดเจ็บดังกล่าวนั้นสร้างความสูญเสียของชีวิต อวัยวะ หรือ ทำให้เกิดความทุพพลภาพถาวร หรือชั่วคราว โดยจะให้ความคุ้มครองตามจำนวนจริงที่จ่ายไป แต่จะต้องไม่เกินจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ระบุเอาไว้ในกรมธรรม์การประกันตัวผู้ขับขี่รถยนต์

5.ส่วนลดสูงสุดคือ 20% ให้แก่ผู้ขับขี่ที่มีช่วงอายุเกิน 50 ปีขึ้นไป ในส่วนนี้มี 4 ระดับ โดยจัดระดับตามช่วงอายุ

6.ลดค่าความเสียหายส่วนแรก ส่วนนี้เป็นข้อตกลงระหว่างบริษัทประกัน และ ผู้เอาประกัน ในด้านค่าเสียหายส่วนแรกที่เกิดขึ้นกับทรัพย์สินบุคคลภายนอก และค่าความเสียหายส่วนแรกที่เกิดขึ้นต่อรถยนต์

7.ได้สิทธิรับส่วนลดเบี้ยประกันภัยกลุ่มได้ 10%

8.ส่วนลดของเบี้ยประกันภัยเมื่อประวัติไม่ด่างพร้อย คือไม่ได้เป็นฝ่ายผิดในอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา

โดยส่วนมากผู้ที่ทำประกันไม่ค่อยมีความรู้ในเรื่องของการเคลมประกันอุบัติเหตุกันมากนัก คิดเสียว่าเมื่อจ่ายเบี้ยประกันแล้วเมื่อเกิดอุบัติเหตุก็จะเคลมอย่างเดียวกลัวไม่คุ้ม ในความเป็นจริงแล้ววิธีนี้ทำให้เบี้ยประกันสูงขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นควรศึกษาตามเงื่อนไขของบริษัทประกันให้ดี

การพิจารณาเลือกบริษัทประกันภัยให้เหมาะกับความต้องการ

สำหรับผู้ใช้รถ ประกันภัยรถยนต์ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นลำดับแรกๆ เพราะประกันสามารถช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายเมื่อเกิดอุบัติเหตุไม่ว่ากลับตัวเองหรือคู่กรณี รวมไปถึงบุคคลที่ 3 และทรัพย์สินด้วย เรียกได้ว่าประกันรถยนต์ช่วยให้ผู้ใช้รถอุ่นใจ สำหรับการเลือกประกันรถยนต์ให้เหมาะควรดูจากผู้ขับ ลักษณะการขับ และลักษณะของรถยนต์ด้วย

การพิจารณาเลือกบริษัทประกันภัย มีดังนี้

1.บริษัทประกันภัยรถยนต์ ในแต่ละบริษัทมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน การเลือกนั้นควรดูจากความมั่นคงทางการเงินแล้วนำปัจจัยมาประเมิน โดยบริษัทประกันภัยที่ดีจะมีความมั่นคงทางการเงินที่ดี มีบริการหลังการขายที่ดี เวลาเกิดเหตุขึ้นจะไม่มีปัญหาด้านการจ่ายสินไหมทดแทน และดูแลลูกค้าได้ตลอดเวลา

2.แบบประกันภัยรถยนต์ มีหลากหลายแบบ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า เช่น ประกันภัยชั้น 1 ชั้น 2 ชั้น 3 และปัจจุบันได้มีการเพิ่มประกันภัยสำหรับน้ำท่วมด้วย ยกตัวอย่างประกันชั้น 1 ที่เหมาะกับลูกค้าที่ต้องการประกันภัยแบบเบ็ดเสร็จ สามารถวางใจให้บริษัทเป็นผู้ดูแลในทุกๆส่วน

3.ลักษณะการขับ หากเป็นคนขับที่มักเจออุบัติเหตุบ่อย หรือไม่มีความระมัดระวัง หรืออยากสบายใจด้วยการให้บริษัทประกันภัยดูแลทั้งหมด ดังนั้นประกันชั้น 1 จึงเหมาะสมที่สุด

4.ระบุผู้ขับ บริษัทประกันภัยมีส่วนลดให้กับการประกันภัยที่ระบุผู้ขับโดยจะแบ่งช่วงของอายุซึ่งจะมีส่วนลด โดยสามารถระบุชื่อผู้ขับขี่ได้ไม่เกิน 2 คน และใช้เกณฑ์คนที่อายุน้อยเป็นหลักในการพิจารณา โดยที่แต่ละช่วงอายุจะมีอัตราส่วนลดแตกต่างกัน

5.ประวัติการขับ บริษัทประกันภัยจะให้ส่วนลดสำหรับการขับดีและไม่มีประวัติการเคลม โดยจะได้ส่วนลดแต่ละปีขึ้นเรื่อยๆ สูงสุดถึง 50 เปอร์เซ็นต่อปี

6.เบี้ยประกัน จะมีความแตกต่างกันในแต่ละบริษัท ถึงแม้จะคุ้มครองในแบบเดียวกันก็ตาม เนื่องจากความแตกต่างของตัวบริษัทประกันภัย การดูแล การเคลม จำนวนอู่รถที่ให้บริการ รวมถึงการบริการ ทำให้เบี้ยประกันมีราคาที่แตกต่างกัน

7.ความเสียหายส่วนแรก บริษัทประกันบางที่มีส่วนลดให้กับลูกค้า ซึ่งจะมีเบี้ยประกันที่ไม่แพง ขึ้นอยู่กับการตกลงกับทางบริษัท เป็นผลดีต่อลูกค้าที่มีประวัติดี

8.อู่รถหรือศูนย์บริการ ในแต่ละบริษัทมีศูนย์บริการนั้นเป็นพันธมิตร โดยมีคุณภาพที่ดีกว่าอู่ซ่อมทั่วไป และยังประหยัดเบี้ยประกันให้แก่ลูกค้าด้วย

เมื่อซื้อรถแล้ว ควรเลือกประกันแบบไหนดี

เมื่อตัดสินใจซื้อรถ สิ่งที่ต้องคำนึงถึงตามมาคือประกันภัย ที่มีมากมายหลายบริษัท ซึ่งการทำประกันภัยรถช่วยในการรักษาสภาพรถ โดยเฉพาะเวลาที่รถเกิดอุบัติเหตุ หรือสูญหาย ผู้ใช้รถจึงต้องคำนึงถึงการใช้งานและความเหมาะสมของแต่ละประเภท มีตั้งแต่ราคาประหยัด ไปจนถึงราคาสูงๆ  โดยประกันภัยรถจะมีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภท ดังนี้

1.ประกันรถยนต์ภาคบังคับหรือเรียกสั้นๆ ว่า ประกัน พ.ร.บ. เป็นประกันที่กฎหมายบังคับให้รถทุกคันต้องทำอยู่แล้ว

2.ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ ขึ้นอยู่กับตัวเราเองว่ามีความต้องการจะทำแบบไหน โดยจะมีอยู่ 5 ประเภท

2.1 ประกันชั้น 1 เป็นประกันที่คุ้มครองในทุกด้าน เช่น คุ้มครองชีวิตและร่างกาย คุ้มครองทรัพย์สิน และให้ความคุ้มครองในกรณีรถสูญหายหรือไฟไหม้ ประกันประเภทนี้เหมาะกับผู้ที่ต้องการคุ้มครองมากที่สุด

2.2 ประกันชั้น 2 เป็นประกันที่คุ้มครองชีวิตและร่างกาย คุ้มครองทรัพย์สินจะคล้ายกับประกันชั้น 1 แต่ต่างตรงที่ไม่ได้คุ้มครองผู้ที่เอาประกัน โดยประกันประเภทนี้จะมีเบี้ยประกันที่ถูก

2.3 ประกันชั้น 3 เป็นประกันที่คุ้มครองชีวิตและร่างกายของผู้โดยสารในรถและบุคคลภายนอก และคุ้มครองความเสียหายที่เกิดกับทรัพย์สินของบุคคลภายนอก ประกันประเภทนี้ผู้ทำต้องรับผิดชอบตนเองทั้งหมด

2.4 ประกันชั้น 2 พิเศษ เป็นประกันที่คุ้มครองคล้ายกันกับประกันชั้นหนึ่ง คือ นอกจากจะรับผิดชอบกรณีรถยนต์สูญหายหรือไฟไหม้แล้ว ยังรับผิดชอบตัวรถยนต์คันที่เอาประกันด้วย แต่มีเงื่อนไขว่าต้องเป็นอุบัติเหตุที่เกิดกับยานพาหนะทางบกเท่านั้น จึงทำให้เบี้ยประกันถูกกว่าแบบแรก และสามารถเลือกซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมตามความต้องการ

2.5 ประกันชั้น 3 พิเศษ คล้ายกับประกันชั้น 3 แต่คุ้มครองไปถึงรถคู่กรณีด้วย แต่มีเงื่อนไขว่าต้องเป็นอุบัติเหตุที่เกิดกับยานพาหนะทางบกเท่านั้น จึงทำให้เบี้ยประกันถูกกว่าแบบแรก และสามารถเลือกซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมตามความต้องการ โดยมีค่าเบี้ยประกันที่ไม่แพง

สำหรับผู้ที่ออกรถมาใหม่ หรือเป็นมือใหม่หัดขับประกันภัยแบบแลกดูจะเหมาะสมที่สุด เพราะครอบคลุมในทุกส่วน แต่หากมีรายจ่ายไม่เพียงพอ อาจเลือกเป็นประกันแบบ 2 พิเศษ หรือ 3 พิเศษ ที่สามารถเลือกการคุ้มครองเพิ่มเติม และจ่ายเบี้ยประกันที่ไม่แพงได้ อย่างไรก็ตามควรต้องพิจารณาจากความต้องการของผู้ทำประกันว่าเหมาะสมกับแบบใดด้วย

การจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นให้แก่บริษัทประกันภัยตามอัตราความเสี่ยง

2989795183_4bb1168705
การทำประกันภัยเพื่อคุ้มครองความสูญเสียหรือเสียหายอันเกิดจากการใช้รถยนต์ไม่ว่า เป็นเก๋งส่วนบุคคล รถบรรทุก รถโดยสาร และรถจักรยานยนต์ ซึ่งได้แก่ ความสูญเสียหรือเสียหายที่เกิดแก่ รถยนต์ ได้แก่ ความเสียหาย บุบสลาย หรือสูญหายของตัวรถยนต์ นอกจากนี้ความสูญเสียหรือเสียหายที่รถยนต์ก่อให้เกิดขึ้นแก่ชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของบุคคลภายนอก รวมทั้งบุคคลที่โดยสารอยู่ในรถยนต์นั้นด้วย โดยบริษัทหรือผู้รับประกันภัยจะออกหนังสือให้แก่ผู้เอาประกันภัย ซึ่งระบุว่าบริษัทจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยเมื่อเกิดความเสียหาย ขึ้นตามเงื่อนไขที่ได้ระบุไว้ ขณะเดียวกันผู้เอาประกันภัยแต่ละรายก็จะต้องจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นให้แก่บริษัทประกันภัย ตามอัตราความเสี่ยงของตน เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา จนบางครั้งอาจทำให้คนขับกังวลใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความปลอดภัยของตัวคนขับเองหรือคนที่คุณรัก นอกจากนั้นการทำประกันภัยรถยนต์จะช่วยแบ่งเบาภาระของคนขับเมื่อเกิดอุบัติเหตุได้ ทำให้คุณสามารถขับรถได้อย่างสบายใจไม่กังวล

โดยเฉลี่ยแล้วผู้เอาประกันรถยนต์หนึ่งคนจะทำเรื่องเพื่อขอเคลมประกันหนึ่งครั้งในทุกสามปี และหนึ่งครั้งที่เป็นอุบัติเหตุที่มีค่าความเสียหายมากในทุกสิบปี บางท่านก็อาจจะมากกว่าหรือน้อยกว่า ก็คงขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยตามที่กล่าวมาแล้ว แต่หาก ท่านมั่นใจว่าจะตั้งใจขับรถด้วยความไม่ประมาท แล้วท่านก็ไม่ต้องใช้รถบ่อยนัก ไม่ต้องอยู่ในภาวะเสี่ยงในเวลาขับรถภาวะเสี่ยงที่ว่าก็เช่น บ้านอยู่ห่างกับที่ทำงานต้องขับรถไกล หรือต้องทำงานหนัก เหนื่อยมากทุกวันตอนขับรถกลับบ้านแอบเผลอหลับตอนติดไฟแดง เหล่านี้ลองคิดถึงส่วนหักลดที่ผู้เอาประกันยอมจ่ายเองเวลาที่เกิดเหตุ ไม่ว่าจะเป็น 2,000 บาท หรือ 5,000 บาท ที่จะช่วยลดค่าเบี้ยประกันลงไปได้มากทีเดียว

ก่อนซื้อประกันภัยรถยนต์

1.เลือกบริษัทประกันภัยรถยนต์ เนื่องจากต้องใช้ประกันภัยรถยนต์อย่างน้อย 1 ปี จะเลือกทำประกันภัยรถยนต์นั้นต้องเลือกให้ดีๆหน่อย มีบริการหลังการขายดีและมีศูนย์บริการอย่างทั่วถึง และคุ้มค่ากับความคุ้มครองที่จะได้รับผลประโยชน์ด้วย
2.เลือกแบบประกันภัยรถยนต์ อย่างแรกที่ควรคำนึงถึงคือ ดูตัวเองว่าขับรถเสี่ยงแค่ไหนแล้วเลือกประกันภัยรถยนต์ประเภทที่ให้ความคุ้มครองและราคาเบี้ยประกันที่เหมาะกับตัวเอง
3.เช็คเบี้ยประกันภัยรถยนต์ โดยการโทรถามราคาเบี้ยประกันภัยรถยนต์จากบริษัทประกันที่สนใจ เพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรถ เพราะเบี้ยประกันรถยนต์จะถูกหรือแพงก็คิดจากข้อมูลส่วนนี้
4.ตัดสินใจเลือกประกันภัยรถยนต์ หลังจากเอาข้อเสนอของบริษัทประกันภัยรถยนต์แต่ละที่มาเปรียบเทียบดูแล้ว จะต้องดูราคาเบี้ยประกันรถยนต์และทุนประกันเป็นหลักก่อน

ภาคธุรกิจประกันวินาศภัยปัจจุบันมีทั้งบริษัทฯต่างชาติและบริษัทฯ ที่มีธุรกิจที่เอื้อประโยชน์

23

ปัจจุบันเพื่อนๆ ผู้ใช้รถยนต์โดยทั่วๆไป ที่ทำประกันภัยรถยนต์ แล้วคงไม่อยากจะเจอ กับพนักงานเคลมของ บริษัทฯประกันภัย เป็นแน่แท้ เพราะถ้าเจอแล้วบางท่านที่ไม่มีประสบการณ์ตอนรถชนกัน อาจไม่ทราบเลยว่าจะต้องปฏิบัติตนอย่างไร จึงจะถูกต้องซึ่งผู้เขียนใคร่ ขออธิบายให้ท่านทราบ ถึงลักษณะของอุบัติเหตุ ตามอาชีพที่พวกเราเรียกเขาว่า พนักงานเคลม ก่อนว่าโดยทั่วๆไปแล้วคนในอาชีพเคลม ปัจจุบันเพื่อนๆ ผู้ใช้รถยนต์โดยทั่วๆไป ที่ทำประกันภัยรถยนต์ แล้วคงไม่อยากจะเจอ กับพนักงานเคลมของ บริษัทฯประกันภัย เป็นแน่แท้ เพราะถ้าเจอแล้วบางท่านที่ไม่มีประสบการณ์ตอนรถชนกัน อาจไม่ทราบเลยว่าจะต้องปฏิบัติตนอย่างไร จึงจะถูกต้องซึ่งผู้เขียนใคร่ ขออธิบายให้ท่านทราบ ถึงลักษณะของอุบัติเหตุ ตามอาชีพที่พวกเราเรียกเขาว่า พนักงานเคลม ก่อนว่าโดยทั่วๆไปแล้วคนในอาชีพเคลม

ซึ่งในภาคธุรกิจประกันวินาศภัย ปัจจุบันมีทั้งบริษัทฯต่างชาติและบริษัทฯ ที่มีธุรกิจที่เอื้อประโยชน์กันเข้าแข่งขันในการครองตลาดรถอยู่มาก ผู้บริโภคจึงไม่อาจจะเลือก โดยเสรีทางความคิดได้หมด เพราะส่วนมากไฟแนซ์ก็เป็นผู้เกือบจะบังคับให้ตามโปรแกรมการขาย ซะเป็นส่วนมาก จึงไม่รู้เลยว่า บริษัทประกันภัย ที่เขาเลือกให้เรานั้น ได้มาตราฐานหรือจัดให้ตามประโยชน์ที่ เซลขายรถหรือมารเก็ตติ้งของไฟแนนซ์ จะได้รับพนักงานเคลมมีหน้าที่ออก ตรวจสอบอุบัติเหตุ โดยเร็วที่สุดและบันทึก รายงาน ถ่ายภาพ ที่เกิดเหตุ รวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วนสมบรูณ์ที่สุด เพื่อเข้าเป็นรายงานแฟ้มอุบัติเหตุต่างๆ นี่ก็คือ หน้าที่หลักโดยทั่วไป ซึ่งจากสถิติการเกิดเหตุ โดยทั่วๆไปแล้ว เรื่องที่จะมีปัญหากับท่านผู้อ่านก็คือ แจ้งเคลมแห้ง เพราะในสัญญาประกันภัย ได้ระบุไว้ว่าหากเกิดเหตุไม่ทราบคู่กรณี ท่านก็จะต้องถูกเก็บค่าเงื่อนไขไม่ทราบคู่กรณี ยกเว้น เสียแต่ว่าท่านจะพิสูจน์ให้บริษัทฯประกันทราบว่า ท่านไม่ได้เป็นฝ่ายถูกละเมิด(ฝ่ายถูก)จากผู้อื่นแล้วไปเรียกเก็บ ค่าเสียหายเข้ากระเป๋าของตนซะเองไปแล้ว

ฉะนั้นเวลารถฯของท่านเสียหายไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตามท่านจะต้องโทรศัพท์ แจ้งเหตุไปที่บริษัทฯประกันในทันทีและต้อง ขอหมายเลขรับแจ้งและชื่อสกุลของพนักงานรับแจ้ง ไว้เป็นหลักฐานด้วยทุกครั้งเพราะพนักงานรับแจ้งเหตุ นั้นจะช่วยแนะนำท่าน ในสิ่งที่ท่านจะต้องทำต่อไปเช่น  ถูกชนแล้วหลบหนีไปต่อหน้าต่อตาจะทำอย่างไรทะเบียนรถที่ชนก็จำไม่ได้อีกซะเลย เป็นต้นพนักงานเคลม บางท่านจะนำประโยชน์ในสัญญาประกันภัย มาเก็บค่าเงื่อนไขท่านซึ่งหากท่านคิดว่าจ่ายไปด้วยความถูกต้องแล้วก็ควร ขอใบเสร็จรับเงิน จากบริษัทฯที่ท่านทำประกันไว้เป็นหลักฐานด้วยทุกครั้ง

ก่อนซื้อประกันรถยนต์ ควรตัดสินใจอย่างรอบคอบ

ในการเลือกประกันภัยรถยนต์ หลายคนอาจลังเลที่จะตัดสินใจ ว่าจะใช้บริการเจ้าไหนดีให้มีความคุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งจริงๆแล้วการทำประกัน คือ การที่คนหลายๆ คน ตกลงเอาเงินมาลงขันกันเพื่อแชร์ความเสี่ยงร่วมกัน แล้วให้บริษัทประกันเป็นตัวหลัก รวมทั้งตั้งเงื่อนไขค่าธรรมเนียมต่างๆ ของแต่ละบุคคลด้วย ว่าจะให้เงื่อนไขได้มากน้อยแค่ไหน

การเก็บเบี้ยประกันมีอยู่หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการดูจากอายุที่สำคัญมากในการพิจารณาของบริษัทประกันที่มีมาตรฐานในการลดค่าธรรมเนียม ที่แตกต่างกันไปตามอายุ ส่วนประเภทรถก็เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้อัตราค่าธรรมเนียมต่างกัน โดยบริษัทจะแบ่งรถออกเป็นกลุ่มๆ และแน่นอนว่ารถที่ซ่อมยาก อะไหล่แพง ค่าเบี้ยประกันต้องสูงกว่ารถที่อะไหล่ถูก ถึงแม้ว่าคุณจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงปัจจัยความเสี่ยงที่เกี่ยวกับตัวคุณได้ เช่น อายุของคุณหรือรถที่คุณขับ แต่ก็มีหลายวิธีที่คุณน่าจะลองนำเอามาใช้เวลาที่จะซื้อประกันเพื่อประหยัดรายจ่ายเบี้ยประกันให้กับตัวคุณเอง
ผู้ที่มั่นใจว่าตนเองใช้รถน้อย คุณที่อยากจะประหยัดเงิน ควรทำประกันประเภทขับน้อยจ่ายน้อย เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายเบี้ยประกันที่ไม่จำเป็น แต่ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่เดินทางบ่อย ในการแข่งขันในตลาดที่มีผู้ประกอบ การหลายเจ้าก็คือ การแข่งขันในเรื่องราคา ประกันประเภทเดียวกัน อาจจะมีราคาต่างกันในแต่ละบริษัท ขึ้นอยู่กับการลองตระเวนหาราคาที่ดีที่สุดของผู้ซื้อเอง

การจะเลือกซื้อประกันกับบริษัทใด ขอให้ดูและหาข้อมูลเรื่องการให้ บริการของบริษัทนั้นให้ละเอียด ถามผู้ที่เคยทำประกันกับบริษัทนั้นมาก่อนก็ได้ หรืออาจจะลองตรวจสอบดูเครื่องหมายรับประกัน คุณภาพ ISO ก็อาจจะช่วยให้ เชื่อใจได้บ้างเช่นกัน

ฐานะทางการเงินของบริษัทมีส่วนสำคัญมากในการพิจารณา ซึ่งหากมีฐานะทางการเงินที่ไม่มั่นคง ก็อาจจะเกิดเหตุบริษัทประกันล่ม เหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับบริษัทประกันดังๆ หลายบริษัท ดังนั้นจึงไม่ควรลืมว่ารามีความเป็นอิสระเต็มที่ ในการเลือกบริษัทประกันที่เรารู้สึกว่าคุ้มค่าและมั่นใจว่าเลือกไม่ผิด

จับตาธุรกิจประกันมาแรง

ในช่วงสิบปีที่ผ่านมานี้ ธุรกิจประกันได้เติบโตอย่างรวดเร็ว จากการที่ผู้คนให้ความสำคัญของการมีประกันคุ้มครองและการออมมากเพื่ออนาคตมากขึ้น ทำให้มีผลิตภัณฑ์ประกันใหม่ๆ และช่องทางการขายที่เข้าถึงได้ดีขึ้น นอกจากนี้ ยังมีแรงผลักดันของภาครัฐที่ให้สิทธิประโยชน์การลดหย่อนทางภาษีจากเบี้ยประกันชีวิต

ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในช่วงหลังที่ทำให้ธุรกิจประกันขยายตัวไปสู่ภาคประชาชนได้มากขึ้น ธุรกิจประกันภัยแบ่งได้เป็นสองกลุ่มหลักๆ คือ ธุรกิจประกันชีวิต (Life insurance) และธุรกิจประกันวินาศภัย (Non-life insurance) โดยภาพรวมธุรกิจประกันทั้งสองประเภทนี้ มีแนวโน้มจะเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง

ธุรกิจประกันชีวิต ยังมีโอกาสโตได้อีกมาก เนื่องจากสัดส่วนการถือครองกรมธรรม์ของคนไทยยังน้อยมาก คือมีเพียง 30% จากประชากรทั้งประเทศ ในขณะที่ญี่ปุ่นมีอัตราส่วนการถือครองกรมธรรม์มากกว่า 100% (หมายความว่าคนญี่ปุ่นหนึ่งคนถือครองกรมธรรม์มากกว่าหนึ่งฉบับ) ทั้งนี้ สมาคมประกันชีวิต ได้ตั้ง เป้าหมายว่า ภายในปี 2558 จะเพิ่มสัดส่วนเป็น 40%

ในด้านค่าเฉลี่ยเบี้ยประกันชีวิตต่อหัว (premium per capita) ของคนไทยนั้นอยู่ที่ประมาณ 3,600 บาท ซึ่งน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของค่าเฉลี่ยของชาวมาเลเซีย และน้อยกว่าหนึ่งในสิบของค่าเฉลี่ยของคนฮ่องกง ไต้หวัน และสิงคโปร์ ตัวเลขเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า ธุรกิจประกันชีวิตยังมีช่องทางให้โตได้อีกมาก โดยรายได้ต่อหัวที่สูงขึ้นของคนไทยจะเป็นปัจจัยหลักของความต้องการเรื่องประกันชีวิต ซึ่งนอกจากจะได้รับประโยชน์โดยตรงเรื่องการคุ้มครองชีวิตแล้ว ยังเป็นการออมและการลดหย่อนภาษีอีกด้วย

ตลาดประกันชีวิตวันนี้ได้เปลี่ยนจากแต่ก่อนค่อนข้างมาก มีการปรับรูปแบบกรมธรรม์ให้เข้าใจง่าย และจูงใจมากขึ้น ทั้งในเรื่องรายละเอียดการคุ้มครองกับช่องทางการจัดจำหน่ายที่มีการ Cross Sell โดยเฉพาะการใช้ช่องทางขายผ่านธนาคาร หรือแบงก์แอสชัวรันส์ (bancassurance) ที่มีส่วนทำให้ตลาดนี้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันนี้แบงก์แอสชัวรันส์กลายเป็นช่องทางขายประกันชีวิตมากที่สุด มากกว่าการขายผ่านตัวแทนซึ่งเคยเป็นช่องทางหลัก แบงก์แอสชัวรันส์มีส่วนแบ่งตลาดกว่า 60% ส่วนการขายผ่านตัวแทนมีส่วนแบ่งตลาดกว่า 30%

ธุรกิจประกันวินาศภัย แบ่งเป็นกลุ่มหลักๆ ได้แก่ ประกันภัยรถยนต์ ประกันอัคคีภัย ประกันทางภัยทางทะเลและขนส่ง และประกันภัยเบ็ดเตล็ดที่ครอบคลุมประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล ประกันภัยสุขภาพ และประกันภัยความเสี่ยงเชิงทรัพย์สิน ในปีนี้ประกันภัยรถยนต์จะเติบโตอย่างมากจากยอดขายรถยนต์ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนประกันภัยเบ็ดเตล็ดก็มีแนวโน้มที่จะมีอัตราการโตมากที่สุดจากผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ประเภทประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลและประกันภัยสุขภาพที่กำลังได้รับความนิยมสูงขึ้น

นอกจากนี้ การเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 ก็จะมีผลกระทบโดยตรงกับ อุตสาหกรรมประกัน โดยหลักเกณฑ์สัดส่วนการถือหุ้นของต่างชาติในบริษัทประกันภัยจะเพิ่มเพดานจากเดิมไม่เกิน 25% เป็นไม่เกิน 49% ในขณะที่ประเทศไทยเป็นตลาดใหญ่ของธุรกิจประกันที่ต่างชาติต้องการเข้ามามีส่วนแบ่ง เนื่องจากมีอัตราการเติบโตในอัตราที่สูงมาก และยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก ทั้งๆ ที่ในปัจจุบันเรามีบริษัทประกันวินาศภัยมากถึงกว่า 60 บริษัท

การแข่งขันที่จะสูงขึ้นนี้ จะทำให้บริษัทขนาดเล็กที่มีเงินทุนน้อยกว่าและต้นทุนการบริหารที่สูงกว่าจะต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด หรือไม่ก็ล้มหายจายจากไป และภายในอุตสาหกรรมจะมีการควบรวมกิจการกับสร้างพันธมิตรกันมากขึ้น

บริษัทที่ยืนหยัดฝ่ามรสุมการแข่งขันครั้งนี้ได้ จะเป็นบริษัทที่มีความแข็งแกร่ง มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการมากยิ่งขึ้น และจะเป็นบริษัทที่มีอนาคตที่ดี

ประกันรถยนต์คนใช้รถต้องรู้และมีความสำคัญมาก

เรื่องหนึ่งที่ทุกคนต้องคำนึงถึงเมื่อจะซื้อรถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์ คงหนีไม่พ้นประกันรถยนต์ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะกฏหมายของบ้านเราบังคับให้ผู้ที่ครอบครองยานพาหนะที่ใช้สัญจรบนท้องถนนต้องทำประกันภัย แต่หลายคนอาจมองว่า ทำไมต้องทำประกันภัยกันล่ะ และอาจยังไม่รู้ว่าประกันรถยนต์ในปัจจุบันมีกี่แบบ ให้ความคุ้มครองแบบไหนอย่างไรบ้าง ขอนำเสนอเรื่องราวของประกันรถยนต์แบบต่าง ๆ ที่คนรักรถจำเป็นต้องรู้

ทำไมต้องทำประกันรถยนต์
กฏหมายไทยบังคับให้ผู้ใช้รถทุกคันทุกประเภทต้องทำประกันภัยอย่างน้อยที่สุดคือ การทำประกันภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้
1. เพื่อคุ้มครองและให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนผู้ประสบภัยจากรถที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เพราะเหตุประสบภัยจากรถโดยให้ได้รับการรักษาพยาบาลอย่างทันท่วงทีกรณีบาดเจ็บ หรือช่วยเป็นค่าปลงศพกรณีเสียชีวิต
2. เป็นหลักประกันให้กับโรงพยาบาล / สถานพยาบาลว่าจะได้รับค่ารักษาพยาบาล ในการรับรักษาพยาบาลผู้ประสบภัยจากรถ
3. เป็นสวัสดิสงเคราะห์ที่รัฐมอบให้แก่ประชาชนผู้ได้รับความเสียหาย เพราะเหตุประสบภัยจากรถ
4. ส่งเสริมและสนับสนุนให้การประกันภัยเข้ามามีส่วนร่วมในการบรรเทาความเดือนร้อน แก่ผู้ประสบภัยและครอบครัว

การทำประกันรถยนต์ ถือเป็นวิธีบริการทรัพย์สินวิธีหนึ่งเช่นกัน เพราะถือว่าเป็นการลงทุนเพื่อแลกกับความคุ้มครองของผู้เอาประกัน จากความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นหากเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์นั่นเอง แม้ว่าจะไม่ได้ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ แต่สามารถลดจำนวนเงินค่าชดเชย ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าซ่อมรถยนต์ได้ เป็นต้น ดังนั้น การศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับความคุ้มครองให้ถี่ถ้วนก่อนตกลงใจซื้อประกันจากบริษัทใดก็ตามนั้นเป็นสิ่งทีสำคัญที่สุด เพื่อเป็นการทำให้ผู้ซื้อมั่นใจว่าจะได้รับความคุ้มครองที่คุ้มค่าสูงสุดสำหรับตนเอง และ สำหรับคนในครอบครัว

ผลประโยชน์อีกอย่างที่จะได้รับจากการมีประกันอุบัติเหตุ ก็คือ ผลประโยชน์ส่วนตัวของผู้เอาประกันนั่นเอง การทำประกันสามารถเป็นตัวช่วยสำหรับผู้ที่ต้องใช้รถยนต์ แต่ว่ามีเงินเดือนน้อย และต้องผ่อนค่ารถยนต์นั้นเอง ผู้ขายรถยนต์สามารถให้ผู้ซื้อรถยนต์ ซื้อประกันภัยรถยนต์ แล้วยกผลประโยชน์ของกรมธรรม์ฉบับนั้นให้แก่ผู้ขายรถ เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้เอาประกันด้วย ว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ผู้ขายจะได้รับผลประโยชน์จากการประกัน ในขณะที่ผู้ขับขี่ก็สามารถได้รับผลประโยชน์จากการประกันด้านค่าใช้จ่ายหากต้องใช้บริการสถานพยาบาล กรณีมีผู้บาดเจ็บ ค่าชดเชยสินไหม และค่าซ่อมรถยนต์ด้วย

ข้อดีและข้อเสียของการทำประกันภัยรถยนต์


การทำประกันภัยรถยนต์นั้นเป็นวิธีการที่ชาญฉลาดในการบริหารทรัพย์สิน เพราะว่าเป็นทางเลือกหลักที่จะช่วยลดความสูญเสียสาเหตุจากอุบัติภัยที่อาจเกิดต่อรถของผู้เอาประกัน การทำประกันรถยนต์นั้นไม่ได้เป็นเหตุให้ความเสี่ยงต่อ การสูญเสียลดลง แต่การประกันภัยรถยนต์จะช่วยชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้น ดังนั้นการวางแผนและบริหารการเงินอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยลดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เนื่องจาก อุบัติเหตุจากการใช้รถใช้ถนน สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาซึ่งนำความสูญเสียทั้งชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน การทำประกันภัย รถยนต์เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยบรรเทาความสูญเสียด้วยการชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น
ข้อดีของการทำประกันภัยรถยนต์ที่ควรทราบ
1.ผู้ประสบภัยจากรถยนต์ไม่ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลก่อน เนื่องจากระบบมีเอกภาพในการจ่ายค่ารักษาพยาบาลซึ่งจะเป็นไปในแนวทางเดียวกันหมด โดยทำให้ผู้ประสบภัยจากรถยนต์นั้นไม่เจอปัญหาในเรื่องของการเบิกค่ารักษาพยาบาลที่ได้รับอย่างล่าช้าหรือไม่ได้รับสิทธิตามที่ควรจะเป็น
2.สามารถช่วยลดภาระกองทุนประกันสุขภาพอื่นๆที่พึ่งภาษีซึ่งผู้ประสบภัยจากรถยนต์ไม่ต้องทำเรื่องในการเบิกเอง โดยปัญหาที่ผู้ประสบภัยจากรถยนต์เลี่ยงไปใช้สิทธิประกันสุขภาพอื่น
3.ผู้ประสบภัยจากรถยนต์มีสิทธิได้รับค่าเสียหายโดยเท่ากันทุกคนไม่ว่าจะเป็นฝ่ายผิดหรือฝ่ายถูก รวมไปถึงคู่กรณี
4.แนวในการตรวจสอบเอกสารและการจ่ายเงินเป็นแบบเดียวกันทั่วประเทศ ทั้งในเรื่องของสถานพยาบาลและผู้ประสบภัยสามารถที่จะยื่นคำร้องขอรับเงินค่าเสียหายได้สะดวกมากขึ้น
5.เพื่อช่วยในเรื่องของการลดปัญหาที่อาจเกิดจากการรอผลพิสูจน์ความผิดทางกฎหมาย โดยที่มีกองทุนฯทำหน้าที่จ่ายค่าเสียหายแต่เพียงผู้เดียวที่สามารถขจัดเงื่อนไขในการขอรับค่าเสียหายที่เกี่ยวข้องกับผลพิสูจน์ความผิดทางกฎหมาย
ข้อเสียของการทำประกันภัยรถยนต์ที่ควรทราบ
1.การประกันภาคบังคับนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการประกันภัยเท่านั้นและมีสัดส่วนของเบี้ยค่อนข้างต่ำ
2.สามารถให้ความคุ้มครองดูแลเพียงแค่ในระดับหนึ่ง อย่างเช่น กรณีที่ได้รับบาดเจ็บ สูญเสียชีวิตและอวัยวะ ทุพพลภาพ เป็นต้น ในส่วนของความเสียหายที่เกิดต่อทรัพย์สินนั้นจะสามารถให้ความคุ้มครองได้ในกรณีที่เจ้าของรถยนต์ทำประกันภัยภาคสมัครใจ
จะเห็นได้ว่าการทำประกันภัยรถยตน์นั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป ทางที่ดีควรจะศึกษาข้อมูลเกี่ยกับการทำประกันภัยรถยนต์ให้อย่าละเอียดก่อน ว่าควรจะทำประกันภัยรถยนต์ในรูปแบบใด เพื่อจะทำให้ได้รับผลประโยชน์เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น

ข้อควรรู้เกี่ยวกับประกันรถยนต์อีกทางเลือกหนึ่งของผู้ใช้รถ

คุณคงเป็นอีกหนึ่งในผู้ใช้รถใช้ถนนในการเดินทางเป็นประจำ และสำหรับบางคนแล้วเวลาที่อยู่บนท้องถนนนั้นอาจจะมากกว่าเวลานอนเสียอีก ดังนั้น จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคุณต้องรับความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน มากเท่าไร ทางเลือกอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถรองรับกับความเสี่ยงนี้ได้ นั่นก็คือ การประกันภัยรถยนต์ ซึ่งเป็นการทำประกันภัยที่หลายๆ คนคุ้นเคยและรู้จักกันเป็นอย่างดี เนื่องจากประกันภัยเสมือนเป็นปัจจัยหลักอีกอย่างหนึ่งของผู้ที่มีรถทุกคนควร จะต้องมี นั่นอาจเป็นเพราะเราได้พบเห็นการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนที่มีอยู่ทุกวัน จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปแล้ว

จริงอยู่ว่าการทำประกันภัยรถยนต์คงไม่สามารถจะป้องกันจากอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ แต่การทำประกันภัยรถยนต์ช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายจากความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ และที่สำคัญจะให้คุณปลอดความกังวลใจ และอุ่นใจได้ว่า หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา คุณจะมีผู้ช่วยจัดการกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น รวมทั้งจะได้รับการชดใช้ค่าเสียหายต่างๆ อีกด้วย

ปัจจุบันได้มีประกันภัยรถยนต์รูปแบบใหม่ๆ เกิดขึ้นมาในท้องตลาดมากมายหลายรูปแบบ ซึ่งให้ความคุ้มครองและมีเงื่อนไขต่างๆ ที่แตกต่างกันออกไป และที่แตกต่างจากการประกันภัยรถยนต์ประเภท 1, 2, 3, และ 4 ที่กล่าวมาข้างต้น จะถูกรวมเรียกว่าประกันภัยรถยนต์ประเภท 5 แต่ในท้องตลาดส่วนใหญ่จะนิยมเรียก ประกันภัยรถยนต์ประเภท 5 นี้ว่า ประกันภัยรถยนต์ประเภท 2+ บ้าง…ประกันภัยรถยนต์ประเภท 3+ บ้าง หรืออาจเป็นชื่อทางการตลาดอื่นๆ ซึ่งอาจสร้างความสับสนให้แก่หลายคน ทั้งนี้ จึงควรจะตรวจดูรายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไขที่ระบุในกรมธรรม์ให้ชัดเจน เพื่อรักษาผลประโยชน์ของเราเอง

เทคนิคง่าย ๆ ในการเลือกซื้อ ประกันภัยรถยนต์
ทุกคนที่มีใช้รถและใช้ถนนต่างทราบกันดีอยู่แล้วว่า ประกันภัยรถยนต์มีอยู่ด้วยกันหลายบริษัทที่ได้จัดจำหน่าย และให้การคุ้มครอง ดังนั้นผู้ซื้อจึงจำเป็นที่จะต้องศึกษาข้อมูลให้ละเอียด และถี่ถ้วนเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงที่สุด อย่างที่ได้กล่าวไว้ในข้างต้น และเพื่อให้การตัดสินใจของผู้เอาประกันทั้งหลายไร้ขอกังขาอาจจะใช้หลักการง่าย ๆ ดังต่อไปนี้ในการเลือกซื้อกรมธรรม์ที่เราต้องการ คุ้มค่าต่อการลงทุน
การทำประกันภัยรถยนต์ ถือได้ว่าเป็นการลงทุนไปกับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น หรือไม่อาจจะเกิดขึ้นก็ได้ตลอดชีวิต ดังนั้นเงินที่ได้ลงทุนกับประกันจึงไม่มีผลกำไรตอบกลับมาอย่างแน่นอน จึงเป็นสาเหตุทำให้ผู้เอาประกันทั้งหลายตัดสินใจ เลือกแบบที่มีความคุ้มค่าต่อรถของทุกท่านให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

เปิดเกมรุกธุรกิจประกันรถยนต์เพื่อเดินหน้ายุทธศาสตร์อย่างต่อเนื่อง

กลยุทธ์การบริหารสมัยใหม่ที่สามารถบูรณาการทั้งศาสตร์และศิลป์ที่คำนึงถึงการบริหาร การวางแผนและการวิเคราะห์อย่างมีระบบ ให้สามารถปฏิบัติงานไปได้ด้วยความราบรื่นมีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผล ยุทธศาสตร์ในการส่งเสริมการรวมกลุ่มและพัฒนาในเชิงคุณภาพควบคู่ไปกับการกระจายผลประโยชน์อย่างทั่วถึง เพื่อสร้างความสัมพันธ์ในการเป็นพันธมิตรธุรกิจที่ดีภายใต้หลักธรรมาภิบาล สิ่งนี้ที่จะช่วยสร้างและพัฒนาศักยภาพในการดำเนินธุรกิจยุคใหม่ที่พร้อมก้าวสู่ภาวะการแข่งขันและดำรงความได้เปรียบให้กับสมาชิก ตัวแทน และพันธมิตรธุรกิจได้เติบโตไปพร้อมกัน ทั้งผลสำเร็จทางยอดขาย กลุ่มลูกค้าเป้าหมายและกลุ่มผู้มุ่งหวัง

ฉีกแนวคิดเดิมๆของธุรกิจประกัน

ที่มักมองเรื่องความเสี่ยงเป็นปัจจัยแรก เสี่ยงมาก เบี้ยแพงหรือบริษัทประกันอาจไม่รับประกันด้วย โดยพยายามหนีการแข่งขันแบบเดิมๆ เช่น การแข่งขันลดค่าเบี้ย เพิ่มค่านายหน้า ให้ผ่อนชำระ 0% หรือบริการซ่อมอู่ซ่อมห้าง ซึ่งไม่ได้ต่างจากบริษัทอื่นๆ ซึ่งภาพรวมตลาดประกันภัยในปี 2557 คาดว่ามีแนวโน้มการเติบโต 11-13% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาโดยการประกันภัยรถยนต์มีอัตราการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากจำนวนรถยนต์จดทะเบียนเพิ่มมากขึ้นทุกๆปี การเปิดเกมรุกครั้งล่าสุดถือเป็นการเดินหน้ายุทธศาสตร์อย่างต่อเนื่องตั้งแต่การปรับโครงสร้างองค์กร โครงสร้างธุรกิจเน้นจับลูกค้ารายย่อยมากขึ้น โดยเฉพาะประกันภัยรถยนต์ เนื่องจากมีโอกาสและศักยภาพเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทิศทางการซื้อประกันภัยรถยนต์ของประชาชนจะเปลี่ยนไป

เน้นที่ให้ความคุ้มครองมากขึ้น ส่วนอัตราเบี้ยประกันนั้นจะคิดถึงเป็นปัจจัยรองลงมา สำหรับกลุ่มประกันภัยรถยนต์ที่มีอัตราการแข่งขัน น่าจะเป็นกลุ่มประกันภัย ชั้น 2, 3 เพิ่มความคุ้มครองเรื่องน้ำท่วม การทำตลาดประกันรถยนต์ยังเน้นไปที่ตลาดรถยนต์ป้ายแดงเป็นหลัก ส่วนที่เสริมเข้ามาคือ การเพิ่มตลาดรถยนต์ที่ผ่านการใช้งานมาแล้วหลายปี หรือเป็นรถที่นิยมซื้อหรือทำประกันชั้น 2 และ3 โดยได้จัดไว้เป็นกลุ่มประกันแบบ 2 พลัส 3พลัส (2+ 3+) นอกจากนี้ บริษัทยังทำตลาดประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีประวัติการขับขี่ที่ดี ครอบคลุมทุกอุบัติเหตุ ทั้งรถชน รถหาย ไฟไหม้ เพราะเป็นประกันภัยชั้น 1 ซึ่งยังประหยัดกว่าประกันภัยขั้น 1 แบบปกติ เปิดกว้างให้กับรถเก่า-ใหม่ ระหว่างอายุ 1-10 ปี ปกติรับประกันภัยชั้น 1 อายุรถระหว่าง 1-7 ปีเท่านั้น และที่เป็นจุดขายคือคุ้มครองความเสียหายจากภัยก่อการร้าย

นอกจากการได้ซื้อประกันรถราคาประหยัดแล้ว ประกันภัยยังมอบความคุ้มครองที่ดีที่สุดให้กับรถยนต์ใหม่ทุกคันอีกด้วย โดยทุ่มเทการทำงานอย่างหนักร่วมกับบริษัทประกันภัยที่เป็นพันธมิตร เพื่อนำเสนอประกันภัยรถยนต์ที่มีความหลากหลาย และสามารถปรับเลือกได้ตามความต้องการ โดยการนำเสนอเบี้ยประกันภัยที่ถูกกว่านั้นไม่ได้เกิดจากการลดเงื่อนไขความคุ้มครองหรือลดระดับการให้บริการ แต่เกิดจากการที่ได้ร่วมมือกันออกแบบผลิตภัณฑ์ประกันภัยและนำเสนอวิธีการซื้อประกันภัยที่ฉลาดกว่าผ่านระบบออนไลน์ให้กับลูกค้าเพื่อให้ทุกท่านได้รับเบี้ยที่ถูกกว่า

การเลือกธุรกิจประกันภัยรถยนต์ให้กับรถของเราก็เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่ง

7

ประกันภัยรถยนต์ที่ไหนดี พิจารณาถึงบริษัทที่น่าเชื่อถือ บริการหลังการขายดีประเด็นที่ควรคำนึงถึงก่อนตัดสินใจเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ว่า ควรต้องพิจารณาถึงที่มา ประวัติการทำงานการบริหารจัดการของบริษัทประกันเป็นสำคัญ รองลงมาคือการตรวจสอบโบรกเกอร์หรือตัวแทนที่ทำหน้าที่ขายประกันว่ามีตัวตนจริงหรือไม่ ถัดจากนั้นคือการพิจารณาถึงบริการหลังการขาย โดยหากเราไม่ตรวจสอบให้รอบคอบก่อนอาจต้องมาเสียใจภายหลัง เนื่องจากบริษัทประกันภัยอาจเลิกกิจการโดยที่เราคาดไม่ถึงก็ได้ โดยอาจสอบถามข้อมูลจากโชว์รูมรถยนต์ อู่ หรือศูนย์ซ่อมรถยนต์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเคยทำงานกับบริษัทประกันภัยต่าง ๆ และทราบดีว่าแต่ละแห่งมีประวัติการจ่ายค่าสินไหม หรือพฤติกรรมในการ Claim ค่าความเสียหายเป็นอย่างไร

ในการตัดสินใจซื้อยังควรคำนวณเบี้ยประกันของหลาย ๆ รายเปรียบเทียบกันด้วย โดยปกติแล้ววงเงินการรับประกันภัยจะอยู่ที่ 80% ของราคารถยนต์ แต่การแข่งขันที่สูงในธุรกิจประกันภัยอาจทำให้มีนโยบาย การให้บริการ หรือการกำหนดเบี้ยประกันแตกต่างกันไป นอกจากนี้ยังควรคำนึงถึงพฤติกรรมหรือลักษณะนิสัยในการขับรถของผู้เอาประกันอีกด้วย ทั้งนี้ เบี้ยประกันแบบไม่มี Deductible หรือ ความรับผิดในค่าเสียหายส่วนแรกจะถูกกว่าแบบที่มี Deductible กล่าวคือ จะมีการตกลงกันในกรมธรรม์เอาไว้ว่า ผู้เอาประกันภัยยินดีที่จะรับผิดชอบค่าเสียหายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุในวงเงินที่กำหนดเบื้องต้น เช่น 5,000 บาท และจากนั้นบริษัทประกันภัยจึงค่อยจ่ายค่าความเสียหายส่วนที่เหลือจากที่ตกลงกันไว้คือตั้งแต่ 5,001 บาทขึ้นไป การทำประกันแบบมี Deductible นี้จะช่วยให้ผู้เอาประกันเสียค่าเบี้ยประกันถูกลง

นอกจากนี้ รูปแบบของการทำประกันภัยรถยนต์ในปัจจุบันมีให้เลือกอย่างหลากหลาย อาทิ แบบ Low Cost หรือแบบประกันชั้น 3 Plus ซึ่งผู้เอาประกันจะต้องพิจารณาเปรียบเทียบและศึกษารายละเอียดให้รอบคอบ และที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษคือประกันภัยชั้น 1 ปลอม ที่หากินกับความโลภของผู้บริโภค โดยแอบอ้างว่ารู้จักกับผู้บริหารบริษัทประกันภัย ทำให้จ่ายเบี้ยประกันภัยในราคาถูก ทั้งนี้วิธีการป้องกันอาจทำได้โดยตรวจสอบกับคณะกรรมการประกันภัยหรือกรมการประกันภัยว่า บริษัทนั้น ๆ ได้รับใบอนุญาตจริงหรือไม่ หรืออาจสั่งซื้อประกันไปก่อนแล้วจึงค่อยนำเลขที่กรมธรรม์มาตรวจสอบก่อนที่จะจ่ายเงินก็ได้